8/1/56

***แครอทกับมะเร็งปอด***

แครอท เกิดในแถบเอเชียตะวันออก และเอเชียกลาง ออกดอกราวเดือนพฤษภาคม ถึงตุลาคม ดอกแตกเป็นชั้นคล้ายร่ม ชั้นนอกสีชมพู ตรงกลางสีม่วงแดง ดอกแตกเป็นชั้นคล้ายร่ม ชั้นนอกสีชมพู ตรงกลางสีม่วงแดง แครอทสมัยโบราณมีเนื้อแข็ง เสี้ยนเยอะเหมือนไม้ สีของหัวแครอทมีตั้งแต่สีเหลืองไปจนถึงสีม่วง แต่แครอทสีส้มที่รับประทานกันทั่วไป เป็นแครอทที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์เมื่อศตวรรษที่ 18 นี้เอง ในทางยาพบว่าเป็นสมุนไพรพื้นบ้านของชาวอเมริกัน ใช้เป็นยาครอบจักรวาล รักษาได้หลายโรค เช่น แก้โรคประสาท โรคผิวหนัง และหืดหอบ

ในปี พ.ศ. 2510 สถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ได้พบว่าวิตามินเอที่ได้จากสัตว์ สามารถระงับมะเร็งในทางเดินหายใจ ในหนูทดลองได้ แต่ยังไม่มีใครสนใจว่าวิตามินเอที่ได้จากพืช หรือสัตว์จะให้ผลดีกว่ากัน ซึ่งข้อมูลขณะนั้นได้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า คนได้รับวิตามินเอจากผักสีเขียว และพืชสีส้มเป็นหลัก วิตามินเอที่ได้รับจากพืชคือ สารเบต้า แคโรทีน ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ เมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายมนุษย์

ปี พ.ศ. 2524 ริชาร์ด ปีโต และคณะ ได้เขียนบทความลงในนิตยสาร Nature ว่า "จริงๆ แล้ว วิตามินเอไม่ได้ส่งผลให้เกิดการยับยั้งมะเร็ง แต่เป็นสารเบต้า แคโรทีน" จากการทดลองของ ดร. ริชาร์ด เชเคลล์ นักระบาดวิทยา มหาวิทยาลัยเท็กซัส ก็สนับสนุนความน่าเชื่อถือของข้อมูลนี้ มีการทดลองอีกมากมายเกิดขึ้

แต่ข้อสรุปรวมจากการศึกษาทั้งหมดก็คือ "อาหารที่มีเบต้า แคโรทีน สามารถลดอุบัติการณ์โรคมะเร็งในปอดได้ แม้แต่ในผู้ที่สูบบุหรี่หลายปีแล้วก็ตาม" นอกจากนี้ยังพบว่า คนที่ทานพืชผักที่มีแคโรทีนน้อยที่สุด จะเสี่ยงต่อมะเร็งในปอด เป็นเจ็ดเท่าของคนที่ทานมากที่สุดในกลุ่ม เบต้า แคโรทีนสามารถป้องกัน และยับยั้งมะเร็งในระยะต่างๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากให้กินเบต้า แคโรทีนขนาดสูง พร้อมกับฉายรังสี

ท่านที่เคยเขี่ยแครอทชิ้นน้อยทิ้งจากจานสเต็ค คงทราบแล้วว่า แครอทมีคุณประโยชน์มหาศาล นี่ยังไม่รวมถึงประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้ท่านดูสดชื่น บำรุงผิวพรรณ และช่วยในการขับถ่าย พืชผักทุกชนิดมีคุณสมบัติดีต่อร่างกายเหมือนกันหมด หากท่านอยากมีสุขภาพดี ก็ไม่ควรเขี่ยผักเหล่านี้ทิ้งแม้สักชิ้นเดียว 

ที่มา : 108health.com

4/2/54

World Cancer Day'54 : วันมะเร็งโลก'54

วันมะเร็งโลก ทั่วโลกทั้งปีมีคนเป็นมะเร็ง 12 ล้านคน ในปีเดียวกันมีคนตายประมาณ 7 ล้านกว่าคน ในอเมริกาประเทศเดียวในปี 2008 ต้องใช้จ่ายในการรักษาคนที่เป็นมะเร็งต่อปีประมาณ 220 พันล้านU/Sดอลล่าร์ แต่ละปีมีคนไข้เพิ่มขึ้น 12 ล้านคน มีคนตายประมาณ 7 ล้านกว่าคน ปี 2000 มีการประชุมปรึกษาหารือ รณรงค์เรื่องมะเร็ง ก็เลยมีองค์กรระดับโลก 4-5 องค์กร กำหนดวันมะเร็งโลกขึ้นมาเป็นวันที่ 4 ก.พ. ทุกปี เริ่มปี 2005
:
World Cancer Day around the world all year people cancer 12 million people in the same year a man died at about 7 million more people in America the only country in the years 2008 to spend in the treatment of people with cancer per year, about 220 thousand million U /. S's dollars. Patients each year with an increase of 12 million people are dead at about 7 million people over 2000, a meeting to discuss. Cancer campaign. I was 4-5 with a global organization global organization set up a cancer on the 4th of February every year starting in 2005.

ขอขอบคุณ ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ : Thank,National Cancer Institute(์NCI Thailand)

18/4/53

ชีวจิต : Bio-organic consumption

สวัสดีครับ

ผมสนับสนุนการต่อสู้โดยวิธีธรรมชาติ เพราะนั่นคือการต่อสู้ที่ได้ผลดีมากกว่าการสู้โดยเคมีบำบัด แล้วพบกับความรู้ที่รวบรวมมาเร็วๆนี้

สวัสดีครับ


Hi

I support the fight by nature That is because it is fighting the good fight, rather than by chemotherapy.Knowledge and experience gathered soon.

Bye